วันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2552

SaaS Software as a Servic คืออะไร

ในปัจจุบันอุตสาหกรรมซอฟแวร์นั้น เป็นอุตสาหกรรมที่ใหญ่และมีการเติบโตอย่างรวดเร็วทั้งด้านปริมาณ และ คุณภาพ รวมถถึงสภาพแวดล้อมที่ใช้ Software ทั้งด้าน Hardware Network และ เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าไปกว่าเมื่อก่อนมาก เป็นผลให้มีการเปลียนวิธี การผลิต ทำการตลาด การบริการ ของ Software ไปมาก จากสินค้าที่บรรจุลงแผ่าน ลงกล่อง กลายเป้นสิ้นค้าที่การเป็นลักษณะบริการ จึงเป็นที่มาของ SaaS Software as a Servic

SaaS นั้น ย่อมาจาก Software as a Service ซึ่งในทางลักษณะบริการกลายเป็น นำ Software ไว้ที่ Webhosting เมื่อลูกค้าซื้อ ก็
สามารถโหลดจาก Webhosting

ซึ่งคุณลักษณะของ SaaS

การใช้ Software การจัดการ รวมการใช้บริหารผ่าน Network
การจัดการต่างๆ ทำโดยส่วนกลางมากกว่าเว็บของผู้ใช้บริการ และผู้ใช้บริการผ่านเว็บไซต์
หลักการใช้เป็นแบบ 1-m
การ update ทำจากส่วนกลาง
ใช้ Network ขนาดใหญ่ในการจัดการ Software

โดยผู้ให้บริการ Software เหล่านี้เรียกว่า ASP application service provider

ตัวอย่างที่ยกให้เห็น ก็คือ http://www.salesforce.com/ เป็น Software CRM ผ่าน Web application ที่ให้บริการ CRM ผ่านเว็บ ซึ่งเป็นลักษณะของ SaaS ที่โดดเด่น ซึ่งได้มีการใช้ Cloud Computing เป็น IT infrastructure ในการให้บริการ

วันเสาร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2552

สิ่งที่ระบบสารสนเทศให้ประโยชน์กับธุรกิจ IS for Business

การนำระบบสารสนเทศมาใช้ในองค์กรธุรกิจนั้น เป็นสิ่งที่เป็นเรื่องปกติในยุคปัจจุบัน แต่สิ่งที่เราควรนึกการนำระบบสารสนเทศมาใช้นั้นเพื่อตอบสนองการทำงานใดๆ ในธุรกิจ ซึ่งมีคนให้แนวคิดการใช้ระบบสารสนเทศเพื่อธุรกิจดังนี้

Laudon&Laudon( 8, 2007 ) ได้บอกไว้ว่าวัตถุประสงค์ระบบสารสนเทศทำให้กับธุรกิจคือ

1. Operational Excellence การทำให้การทำงานประจำต่างๆสามารถทำได้ ระบบสารสนเทศนั้นเป็นเครื่องมือช่วยเหลือชนิดหนึ่งซึ่
ช่วยสนับสนุนการทำงานให้เป็นไปได้อย่างเรียบร้อย ไม่ติดขัด และปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานให้สะดวกมีคุณภาพมากขึ้น ซึ่งได้แก่ ระบบ ณ จุดขายต่างๆ เป็นต้น
2. New Product Service and Business Model ซึ่งรูปแบบการทำธุรกิจนั้นคือ การที่องค์กรจะ ผลิด ส่ง ขาย อย่างไร ในการสร้างรูปแบบการบริการหรือสินค้าใหม่ๆ ให้กับองค์กรนั้นสามารถทำได้โดยการนำ ระบบสารสนเทศมาใช้ เช่น การเข้ามาของ E-commer หรือ บริการด้านต่างๆผ่าน Intelnet เป็นต้น
3. Custom and Supplier Intimacy ทำให้มความใกล้ชิดกันมากขึ้นระหว่าง ลูกค้าหรือผู้ค้า กับองค์กรของเรามากขึ้น ซึ่งระบบพวกนี้อยู่ใน CRM SCM ที่ทำหน้าที่กระชับความสัมพันธืให้องค็กรมาต้นทุนการผลิตที่ต่ำลง หรือ ลดค่าทำการคลาดให้กับองค์กร
4. Improved decision Making ช่วยการทำตัดสินใจทางธุรกิจให้ดีขึ้น ระบบเหล่านี้ส่วนใหญ่อยู่กับ BI DSS ที่ใช้ช่วยนำข้อมูลมาวิเคราะห์ ในรูปแบบต่างๆ และช่วยตัดสินใจ
5. Competitive Advantage ช่วยส่งเสริมการได้เปรียบในการแข่งขันในธุรกิจ อันนี้เป็นที่มาจาก Five force ซึ่งนิยมใช้อ้างอิงในการทำ ทฤษฎี MIS ต่างๆมาก ซึ่งจะอธิบายแยกออกมาอีกบทความที่หลัง
6. Survival เพื่อความอยุ่รอดในโลกธุรกิจในปัจจุบัน

O'Brien,Marakas (9,2006 )อันนี้มาหนังสืออีกเล่มซึ่งอธิบายไว้กระชับกว่าเล่มแรกคือ
1.Support Business Process รับรองการทำธุรกรรมทางธุรกิจต่างๆ ซึ่งเป้นทุกแผนกที่ใช้ระบบ IS เข้ามาช่วยเหลือ
2. Support Decision marking ช่วยทำการตัดสินใจทางธุรกิจให้ดีขึ้น
3. Support Competitive Adavantage เหมือนกันกับด้านบน เพื่อให้องค์กรเราสามารถแข่งขันได้เปรียบกับคู่แข่งมากขึ้น

วันเสาร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2552

Quality of information

คุณภาพของข้อมูล Quality of information

โดยปกติการทำธุรกิจหรือการใช้ชีวิตประจำวันนั้น เป็นความปกติที่เราต้องรับข้อมูลอยู่ตลอดเวลาไม่ว่ารับทางตรงทางอ้อม ซึ่งข้อมูลที่เรารับแต่ละเรื่องนั้น มีประโยชน์มากน้อยเพียงใดนั้น ก็ขึ้นอยู่กับเราสามารถนำข้อมูลไปใช้ได้เพียง โดยข้อมูลที่ดีนั้นสามารถช่วยให้การตัดสินใจมีคุณภาพ

ส่วนการนำข้อมูลไปใช้มากน้อยเพียงใดก็ขึ้นอยู่กับข้อมูลที่เราได้รับนั้นมีคุณภาพมากน้อยเพียงไหนนั้นเอง ซึ่งคุณภาพของข้อมูลคำนี้ดูเป็นนามธรรมมากเกินไปสักหน่อย โดยข้อมูลคุณภาพที่ดีอาจหมายความว่า นำไปใช้ได้ง่าย สะดวก ถูกต้อง

ซึ่งเราทำให้เราต้องแยกข้อมูลประเภท ไม่ทันสมัย ไม่ถูกต้อง ยากต่อการเข้าใจ การใช้งาน มีคุณค่าต่อธุรกิจหรือการตัดสินใจต่างๆ ออกมา

โดยปกติคนต้องการข้อมูลคุณภาพสูงนั้น O'Brien กับ Marakas (364,2006) สรุป มิติของคุณภาพข้อมูลแบ่งได้ 3 มิติ คือ
-เวลา คือ เวลาข้อมูลนั้นไม่เก่าไป ปัจจุบันไหม ความถี่มีแค่ไหน ช่วงเวลาใด
-เนื้อหา คือ ถูกต้องไหม บอกเรื่องที่เราต้องการหรือไม่ สมบูรณ์ไหม ขอบเขตเนื้อหาเป็นอย่างไร สามารถตรวจสอบวัดผลได้ไหม
-รูปแบบ คือ ง่ายต่อการเข้าใจ รายละเอียดดีแค่ไหน สื่อที่ใช้แสดงเป็นอย่างไร

ส่วนอีกคนที่อธิบายเรื่องคุณภาพข้อมูลคือ Laudon และ Laudon (497,2007)ได้ให้ มิติของจ้อมูลที่มีคุณภาพไว้ดังนี้
-ถูกต้อง แสดงถึงความเป็นจริงหรือไม่
-Integrity โครงสร้างข้อมูล สัมพันธ์กับ Entities ไหม
-Consistency คือมีความเกี่ยวข้องกันไหม กับสิ่งที่เราต้องทราบ
-Completeness คือข้อมูลนั้นมีความสมบูรณ์ครบถ้วนไหม ข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์อาจทำให้การตัดสินใจอะไรมีการเปลี่ยนแปลงได้
-Validity คือ ที่สำคัญคือ ควรเชื่อถือได้
-Timeliness คือ เก่าไปไหม ไม่ทันสมัยหรือไม่
-Accessibility ส่วนอันนี้น่าจะ สามารถเข้าถึงได้ เอามาใช้ได้

ทั้งหมดคือ คุณภาพของข้อมูลที่มีคนได้กล่าวเอาไว้ สำหรับผม ข้อมูลที่ผิดพลาดนั้นทำให้มีความเสียหายได้หลายระดับ ตั้งแต่ในยุคสงครามโบราณจนถึงปัจจุบันในยุคสงครามธุรกิจ ซึ่งมีคนกล่าวไว้ว่า ในยุคนี้ข้อมูลข่าวสารคือพลัง(Information is Power) แต่ในปัจจุบัน สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ทุกคนสามารถเข้าถึงและรับข้อมูลข่าวสารได้อย่างมหาศาล

แต่ในขณะนี้ การรวบรวม การวิเคราะห์ นั้นเป็นเรื่องยาก แค่ข้อมูลข่าวสารที่ได้รับนั้น มีประโยชน์หรือไม่ เป็นความจริงหรือเท็จ เกี่ยวข้องไหม แค่นี้ก็เหนือยแล้ว แถมยังมีการแปลงข้อมูลข่าวสาร เพื่อให้ได้ประโยชน์กับฝ่ายของผู้ได้รับประโยชน์อีก ดังนั้น สำหรับผม The right information is the best power และต้องเหมาะกับเวลาด้วย